คลิกเข้า ชมผลงานของเรา

ทราบไว้ไม่พลาดจัด "เครื่องเสียงในงานสมรส" แบบไหนเหมาะสมกับงานรวมทั้งงบประมาณเยอะที่สุด

ทราบไว้ไม่พลาดจัด "เครื่องเสียงในงานสมรส" แบบไหนเหมาะสมกับงานรวมทั้งงบประมาณเยอะที่สุด

เครื่องเสียงงานแต่ง ให้เช่า



เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการ Entertain แขกในงานมงคลสมรสจะมี หรือเปล่ามีก็ขึ้นกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ว่าขั้นต่ำก็บางครั้งอาจจะจำเป็นต้องให้ผู้ดำเนินรายการใช้สนทนากับแขกหรือดำเนินขั้นตอนในงานสมรสต่างๆซึ่งเมื่อพวกเราพินิจเรื่องกลุ่มนี้แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นที่จะจำเป็นต้องใช้เครื่องกระจายเสียงบ้าง ยิ่งงานสมรสไหนมีวงดนตรีมาเล่นในงานด้วยแล้ว การจัดเครื่องสียงให้สมควรก็จะช่วยสร้างบรรยากาศ แล้วก็ Entertain แขกได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งถามคำถามว่าจะใช้แบบไหนดี จำเป็นต้องหรือเปล่า ก็จะต้องมองจากเนื้อหาของงานของคู่สมรสว่าคืออะไรนั่นเอง อีกทั้งเรื่องสถานที่ วงดนตรี เพื่อรู้เรื่องแล้วก็จัดเครื่องเสียงได้อย่างแม่นยำ วันนี้ Happy Wedding.Life นำข้อควรจะทราบสำหรับในการจัดเครื่องเสียงในงานสมรสมาฝาก




Wedding Wire

เครื่องเสียงงานแต่ง

สถานที่ทำพิธีแต่งงาน


เพื่อได้งานสมรสที่เด่นเพอร์เฟ็คเยอะที่สุด เรื่องแรกเลยที่จะจะต้องนึกถึงสำหรับเพื่อการจัดเครื่องเสียง หรือวงดนตรีคงจะหนีไม่พ้นเรื่องสถานที่ทำพิธีแต่งงาน ให้คู่สมรสสำรวจก่อนเป็นลำดับแรกเลย ว่าสถานที่ของพวกเรานั้นอำนวยต่อการจัดงานสมรสไหม ตัวอย่างเช่น เป็นสถานที่ที่โล่งแจ้ง หรือในตึก ถ้าเกิดเป็นในตึก ทดลองวิเคราะห์กับข้างสถานที่ก่อนว่า เครื่องเสียง หรือ ลำโพง ไมค์ต่างๆทางสถานที่มีเตรียมอยู่ให้แล้วในค่าใช้จ่ายสำหรับเช่าสถานที่หรือเปล่า ทดลองไต่ถามว่า เครื่องเสียงสามารถรองรับแขกได้มากขนาดไหน ครอบคลุมสถานที่ทั้งสิ้นไหม

ในเรื่องที่ทางสถานที่ไม่มีเครื่องเสียงให้ อย่าฝ่าฝืนที่จะไม่ใช้เครื่องเสียงก็ได้ ทางที่ดีขั้นต่ำก็คงจะนำเครื่องเสียงที่มีลำโพงจากบ้านมาใช้บ้างก็ยังดี แต่ว่าถ้าเกิดจะให้ดีจังๆก็ควรจำเป็นต้องเช่าเครื่องเสียงมาใช้งาน

จุดเด่นส่วนหนึ่งส่วนใดของการจัดงานสมรสข้างในตึก เนื่องจากว่าการดูแลแล้วก็ตั้งเสียงทำระบบได้ง่ายดายยิ่งกว่างานที่จัดด้านนอก การจัดงานด้านนอกก็เลยจะต้องใช้เครื่องเสียงที่ใหญ่มากยิ่งกว่าเดิมเพื่อการได้ยินเสียงที่เด่นชัดควรจะมีแนวทางการทำระบบใหม่จำเป็นต้องใช้เวลาเยอะพอสมควรเลย อีกทั้งต้องระมัดระวังเรื่องฟ้าฝนที่ไม่คาดคิดอีกด้วย


สถานที่จัดงาน

Miguel de Maria


การเลือกใช้เครื่องเสียงงานแต่ง


หลายท่านบางทีก็อาจจะไม่รู้เรื่องรวมทั้งมีความรู้สึกว่าเครื่องเสียง กับ อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีนั้นเป็นเหมือนกัน แม้กระนั้นที่จริงแล้วแตกต่าง ธรรมดาแล้วอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเป็นสมบัติส่วนตัวของนักเล่นดนตรีทุกคน ซึ่งสำหรับการรับงานแสดงจะไม่มีการคิดค่าใช้สอยเพิ่ม แม้กระนั้นเป็นภาระหน้าที่ของนักเล่นดนตรีที่จะจะต้องเอามาเองอยู่แล้ว อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีจะหมายคือพวก กีตาร์ เบส ดับเบิ้ลเบส ฟลู๊ต แซกโซโฟน กลองกระแสไฟฟ้า คีย์บอร์ดกระแสไฟฟ้า อื่นๆอีกมากมาย แม้กระนั้นเครื่องเสียง จะหมายความว่า ลำโพง Sub-woofer ลำโพงมอนิเตอร์ Mixer ไมค์วัวรโฟน ฯลฯ

โดยการเลือกเครื่องเสียงที่จะมาใช้ในงานมงคลสมรสจำต้องพิจารณามองสาเหตุอันดังเช่นว่า งานมงคลสมรสมีผู้ดำเนินรายการกี่ท่าน เปิดเพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไหม มีเปิด Presentation ไหม มีวงดนตรีในงานสมรสหรือเปล่า มีให้ร้องคาราโอเกะในงานหรือไม่ ซึ่งแต่ละแบบก็จำเป็นจะต้องจัดเครื่องเสียงที่นานับประการ อะไรบางอย่างต้อง แล้วก็อะไรบางอย่างไม่มีความสำคัญ เป็นต้นว่า ทำพิธีแต่งงานโดยมีให้แขกร้องคาราโอเกะ เครื่องเสียงรวมทั้งเครื่องมือที่ควรมีเป็นไมค์วัวรโฟน ลำโพง คีย์บอร์ด ฯลฯ

เครื่องเสียง


เหมารวม หรือ เช่าแยก

"เหมารวม" ในที่นี้เป็นเครื่องเสียงศูนย์รวมไปกับการเช่าสถานที่สำหรับการทำพิธีสมรสซึ่งจะเหมาะกับพิธีกรรมทั่วๆไป แล้วก็แพงที่เหมารวมไปกับการจองสถานที่จัดงานไปแล้ว ทำให้สบายและไม่จะต้องจ่ายเพิ่มเติมอีก แม้กระนั้นข้อบกพร่องนั้นโดยมากเครื่องเสียงในห้องจัดงานนั้นเขาทำมาเพียงแค่ในลักษณะของการสัมนาแค่นั้น การจะมาเล่นดนตรีสดเสนาะๆนั้นไม่มีวันจะเป็นได้ ก็จะมีผลให้คนภายในงานที่มางานนั้นอารมณ์เสียกับระบบเสียงที่ไม่ค่อยดีของอพาร์เม้นท์ แม้กระทั่งนักเล่นดนตรีเล่นเทวดาเพียงใด แม้กระนั้นเครื่องเสียงในงานนั้นไม่อำนวนเลยละก็ งานสมรสสังสรรค์แต่งงานอันสุดแสนโรแสนว่ากล่าวกของคุณล่มในทันทีทันใด

สำหรับเพื่อการ "เช่าแยก" นั้นถ้าเกิดคุณว่าจ้างวงดนตรีมาเล่นในงานจำนวนมากเขาชัดชัดมีเครื่องไม้เครื่องมือหรืออุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีส่วนตัวของแต่ละคนอยู่แล้ว ดังเช่น กีตาร์ คีย์บอร์ด เครื่องเป่า เครื่องสาย อื่นๆอีกมากมาย แม้กระนั้นสำหรับเครื่องเสียง ที่ใช้นั้นจะไม่รวมมาอยู่แล้ว ถ้าหากสถานที่มีให้ก็ไม่มีปัญหาแม้กระนั้นอย่างที่พูดว่าเครื่องเสียงแบบใช้ในพิธีกรรมธรรมดา กับเครื่องเสียงที่ใช้กับวงดนตรีนั้นแตกต่าง แม้อย่างให้วงดนตรีเล่นสดอย่างมีคุณภาพการเช่าเครื่องเสียงแยก หรือ ให้กลุ่มผู้ชำนาญในด้านนี้มาดูแลโดยตรงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งราคาเช่าเครื่องเสียงจะเริ่มตั้งแต่ 3000 -20,000 บาท



เครื่องเสียงครบเซต

STAGE ENGAGE



กิจกรรมสุดมันส์ กับ After Party

เครื่องเสียงสำหรับออกงานสมรส หรือพิธีกรรมสมรสทั่วๆไป นั้นจะประกอบไปด้วย Mixing board ซึ่งเป็นตัวเก็บรวบรวมคำสัญญานเสียงจากแหล่งต่างๆ แอมปริฟายเอ้อร์ สำหรับขยายคำสัญญานที่รวมมาแล้ว ลำโพง P.A. เพื่อกระจายเสียงให้คนฟังได้รับฟัง แม้กระนั้นเครื่องเสียงนักเล่นดนตรีมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เยอะแยะกว่าเครื่องเสียงสำหรับเพื่อการทำงานด้านโฆษณาหรือแนวทางการขายทั่วๆไป แม้กระนั้นถ้าหากเป็นดนตรีเล่นเพลงเห่กล่อมแขกเฉยๆและก็โฮเต็ลแจ้งว่ามีเครื่องเสียงอยู่แล้ว บางทีอาจไม่ต้องเพิ่มเครื่องเสียงก็ได้

แม้กระนั้นจะให้ดีเยี่ยมที่สุดการจัดงาน After Party จะต้องใช้เครื่องเสียงเพิ่มอีกเพื่อวงดนตรีเล่นสดอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเครื่องเสียงสำหรับนักเล่นดนตรีนั้นไม่ราวกับเครื่องเสียงสำหรับพิธีกรรมทั่วๆไป โดยเครื่องเสียงที่จำต้องใช้เพิ่มเติมอีกมานั้น อาทิเช่น Mixer กระดานผสมเสียงที่มีขนาดใหญ่กว่าธรรมดา ตู้แอมปริฟายเอ้อร์สำหรับสำหรับนักเล่นดนตรีตำแหน่งต่างๆลำโพงมอนิเตอร์จะเป็นลำโพงที่วางบนพื้นข้างหน้านักเล่นดนตรี ลำโพง Sub-woofer ฯลฯ


อาฟเตอร์งานเลี้ยงสุดมัน



เลือกวงดนตรี ให้เหมาะสมกับงาน สถานที่แล้วก็งบประมาณ

เว้นเสียแต่เรื่องเครื่องเสียงแล้ว การเลือกวงดนตรี ให้เหมาะสมกับงานสมรส สถานที่รวมทั้งงบประมาณ ก็เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากพวกเราจะได้จัดเครื่องเสียงให้เยี่ยมที่สุด ดังต่อไปนี้

ตามมาตรฐานทั่วๆไป คีย์บอร์ด + คาราโอเกะ + นักร้อง 2 คน งบประมาณ 10,000-15,000 บาท รวมเครื่องเสียง
อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีเล่นสด 3 ชิ้น + วงแนว Bossa มีกีตาร์ มีเครื่องเคาะ + นักร้อง งบประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป รวมเครื่องเสียงประกอบในงาน
หรูหราขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยวง Chamber 4 ชิ้น ไวอลิน วิโอล่า เชลโล เครื่องเป่า + นักร้อง ในกรณีที่เป็นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีร้องเพลง ก็ไม่มีความสำคัญไม่มีนักร้อง งบประมาณ 20,000 บาท เครื่องเสียงใช้ของสถานที่
วงดนตรีเล่นสด มีอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี 4-5 ชิ้นขึ้นไป งบประมาณ 20,000 - 40,000 บาท ขึ้นกับปริมาณนักเล่นดนตรี แล้วก็เช่าเครื่องเสียงแยก หรือเหมารวมไปเลยจะเหมาะสมที่สุด
วงออเคสตร้า อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี 10-20 ชิ้น งบประมาณหลักแสนขึ้นไป


เลือกดนตรีให้เหมาะสมกับงาน

เมื่อรู้เรื่องรู้ราวสำคัญของเครื่องเสียงแล้วหลังจากนั้นก็อย่าลืมที่จะจัดแบ่งเครื่องเสียงให้มีคุณภาพ ด้วยเหตุว่าเครื่องเสียงกลุ่มนี้ จะเป็นตัวช่วยสร้างบรรยากาศ จะให้งานออกมาโรแมนติกหรือสนุกจ้ะ




ทำไมจึงควรเลือกใช้ผู้ให้บริการเช่าเครื่องเสียงที่มีมาตรฐาน

ทำไมจึงควรเลือกใช้ผู้ให้บริการเช่าเครื่องเสียงที่มีมาตรฐาน

ในงานสำคัญต่าง ๆ เช่น งานมงคลสมรส, งานบวช รวมไปถึงงานกิจกรรมทั่ว ๆ ไป เช่น งานอีเวนท์, งานคอนเสิร์ต, งานเปิดตัวสินค้า ฯลฯ สังเกตว่าจะต้องมีเครื่องเสียงเพื่อช่วยให้เป็นที่สนใจและคนที่อยู่ในงานเกิดความคล้อยตามได้ง่ายขึ้นด้วย ซึ่งผู้จัดงานเหล่านี้มักนิยมเลือกใช้บริการให้เช่าเครื่องเสียง แต่ก็มีผู้ให้เช่าเครื่องเสียงบางเจ้าทำงานออกมาไม่ตรงกับแผนที่วางเอาไว้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่บอกว่า ทำไมจึงควรเลือกใช้บริการให้เช่าเครื่องเสียงที่มีมาตรฐาน คุณภาพสูง

เช่าเครื่องเสียงจากผู้ให้เช่าดี ๆ ช่วยให้งานราบรื่น

1. มีความรู้ ความเข้าใจในด้านเครื่องเสียงเป็นอย่างดี
ต้องบอกว่าข้อนี้สำคัญมาก ๆ หากต้องการให้งานของคุณผ่านไปได้ด้วยดี เพราะผู้ให้เช่าที่มีมาตรฐานจะรู้ว่าควรติดตั้ง วางแผนอย่างไรให้เสียงออกมาเหมาะสมกับสถานที่ จากประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมา ช่วยแบ่งเบาภาระในด้านการจัดการเกี่ยวกับเสียงได้เยอะพอสมควร อย่าลืมว่าการจัดงานทุก ๆ งานมีความสำคัญ มีแขกเหรื่อหรือผู้ที่สนใจเข้ามาร่วมงานเยอะ หากเกิดความผิดพลาดด้านเครื่องเสียงจากเป้าหมายที่วางเอาไว้ในตอนแรกนอกจากไม่ได้แล้วยังเสียหน้าอีกด้วย

2. รู้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างถูกต้อง
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้แต่งานอีเวนท์ งานมงคลต่าง ๆ ที่วางแผนเอาไว้อย่างดิบดีแต่ท้ายที่สุดดันเกิดปัญหาขึ้น เช่น จัดงานกลางแจ้งแล้วมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้เครื่องเสียงให้เช่าที่เช่ามาต้องถูกใช้งานอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ตรงนี้คนที่มีความรู้ มีประสบการณ์จะเข้าใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น อีกทั้งยังทำให้งานเดินต่อไปได้ตามที่คาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก

3. มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เช่าอย่างครบครัน
การจัดงานแต่ละครั้งไม่ใช่เรื่องเครื่องเสียงเพียงอย่างเดียว แต่ผู้ให้เช่าเครื่องเสียงที่ดีต้องมีอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับการจัดงานแบบครบครันเอาไว้ให้บริการคราวเดียวเลย เช่น จอทีวี, ระบบแสง สี, โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ การเลือกทีมงานที่มีพร้อมสรรพแบบนี้จะช่วยประหยัดเวลาให้คุณไปดูแลในส่วนอื่น ๆ ได้ ไม่ต้องยุ่งยากกับการหาเช่าสิ่งนั้นทีสิ่งนี้ที จนทำให้งานไม่เดินหน้าไปอย่างที่ใจคาดหวังเอาไว้ ท้ายที่สุดงานก็ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ

แม้การเช่าเครื่องเสียงจะหาบริการได้ไม่ยาก แต่ผู้ให้เช่าเครื่องเสียงที่ดีต่างหากคือสิ่งที่ทุก ๆ คนจำเป็นต้องเลือก เพราะนอกจากทำให้งานของคุณเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังสะดวกสบาย ไม่ต้องเครียด ต้องปวดหัวคอยแก้ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องเสียงตลอดเวลานั่นเอง

ลำโพง Line Array น่าเล่นจริงหรือ

ลำโพง Line Array น่าเล่นจริงหรือ



ทำไมต้องใช้ลำโพงหลายๆ ตู้ต่อ ch

                จะเห็นว่า ในระบบเสียงคอนเสิร์ต ไม่ว่าในร่ม หรือกลางแจ้ง มักนำลำโพงหลายๆ ตู้ที่เหมือนๆ กันมาวางเรียงซ้อนกันในแนวดิ่ง เรียกว่า การจัดลำโพงแบบแผงตั้ง (Line Array)

ข้อดีของลำโพงแผงตั้ง หรือ Line Array

                1. เพิ่มพลังเสียงให้ดังมากขึ้น เนื่องจากลำโพงมักมีข้อจำกัดในการรับกำลังขับได้ แม้ว่าปัจจุบันจะรับได้ค่อนข้างสูงแล้ว แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจว่าจะไม่แป้กกลางงาน จึงต้องเสริมเป็นหลายๆ ตู้แบ่งกันรับกำลังขับ เพราะปัจจุบันพาวเวอร์แอมป์กำลังขับสูงๆ หลายๆ ร้อยวัตต์/ข้าง หรือเป็นพันวัตต์/ข้าง เป็นเรื่องที่หาไม่ยาก พอจะลงทุนกันได้แล้ว

                2. การนำตู้ลำโพงมาวางซ้อนในแนวดิ่งเรียงสูงขึ้นไปจะทำให้ได้มุมกระจายเสียงกว้างขึ้นในแนวราบ (horizontal dispersion) แต่แนวสูง-ต่ำมักจะแย่ลง การติดตั้งบางครั้งจึงติดตั้งแถวลำโพงเป็นแนวโค้งอยู่บนที่สูง และก้มยิงเสียงมายังผู้ฟัง จะช่วยลดการสะท้อนก้องจากห้องแสดงดนตรี หรือแม้กระทั่งคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่ห้อมล้อมด้วยตึก, สิ่งก่อสร้าง

                3. การใช้ลำโพงหลายๆ ตู้ช่วยกันรับกำลังขับ ทำให้พอจะให้มันออกความถี่ต่ำๆ หน่อยได้โดยไม่พังเสียก่อน อย่าลืมว่า ยิ่งความถี่ต่ำแค่ไหน กรวยลำโพงยิ่งต้องขยับเข้า-ออกเป็นช่วงชักลึกขึ้น ถ้าใช้ตู้เดียวขนาดกลาง และต้องการระดับเสียง เช่น 100dB ที่ 100Hz กรวยอาจต้องขยับเข้า-ออกถึง 1 นิ้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าใช้หลายๆ ตู้แบ่งรับกันทำงาน กรวยอาจต้องขยับแค่ 1/8 นิ้ว ซึ่งมันรับได้สบาย ถ้าลำโพงหลักลงความถี่ได้ต่ำอยู่แล้ว การเสริมด้วยตู้ซับวูฟเฟอร์อีกทีก็จะจูนให้เข้ากันได้ง่ายขึ้นมาก ทั้งด้านเสียง และมิติเสียง

                4. การแยกซอยเป็นตู้ขนาดไม่ใหญ่มากหลายๆ ตู้ต่อข้างแทนที่จะแบกขนตู้ขนาดใหญ่ตู้เดียว/ข้าง ย่อมสะดวกและประหยัดกว่า เสียหายน้อยกว่า ติดตั้งง่ายกว่า

                5. การติดตั้งแบบแผงตู้ซ้อนแนวตั้ง (Line Array) ทำให้เลือกจัดสรรมุม (แถว) สาดเสียงไปยังผู้ฟังได้คล่องตัว อิสระ สั่งได้ มากกว่าการใช้ตู้ใหญ่ตู้เดียว อันจะเกิดจุดบอดได้ในบางตำแหน่งนั่งฟัง

                6. การใช้ตู้ลำโพงไม่ใหญ่มโหฬารมาก ทำให้สามารถติดต้ังได้กลมกลืน แนบเนียน ไม่เกะกะรกตาอย่างตู้ลำโพงขนาดใหญ่

                7. สามารถขยับขนาดของระบบเสียงได้อย่างไม่รู้จบ วงเล็ก, สถานที่เล็ก ผู้ชมไม่มาก ก็ใช้ตู้ลำโพงแค่ 1-2 ตู้/ข้าง เมื่อมีงบพอ ขนาดของผู้ชมมากขึ้นก็เพิ่มจำนวนตู้ลำโพง (และพาวเวอร์แอมป์ขับ) ตามไปได้ ไม่ต้องลงทุนครั้งแรกเป็นงบก้อนโตทันที

                8. การรักษาและซ่อมบำรุงคล่องตัวกว่ามาก ทั้งการถอดตู้เข้า-ออก การเปลี่ยนอะไหล่ การหาตู้มาสำรองขณะเอาตู้เก่าไปซ่อม มั่นใจได้ว่า งานจะไม่สะดุด (the show must go on)

                จากข้อดีเหล่านี้ ทำให้ระบบตู้ลำโพงแบบ Line Array ได้รับความนิยมมากขึ้นๆ จนแทบครองตลาด 100 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว ไม่ว่าค่ายไหน ยี่ห้อไหน จะหันมาผลิตลำโพง PA แบบ line array กันแทบหมดแล้ว ส่วนลำโพงแบบตู้ใหญ่ ตู้ยักษ์ ก็แทบไม่มีใครเห็นกันแล้ว มีแต่ตู้ขนาดไม่มโหฬารมากนัก (ดอก 12-15 นิ้วอย่างสูง) กลับไปอยู่กับงาน PA ระดับชาวบ้าน ระดับท้องถิ่น ไม่ใช่ระดับชาติ และเกือบทั้งหมด (90 เปอร์เซ็นต์) ผลิตในประเทศจีน มีทั้งผลิตติดยี่ห้อฝรั่ง และติดยี่ห้อที่บ้านเราสั่งติดมา (OEM) อาจเนื่องจาก ผู้ฟัง, ผู้ชมในท้องถิ่นยังฝังใจ มีความเชื่อว่า ตู้ลำโพงต้องใหญ่เข้าไว้ เอาให้เต็มเวทียิ่งดี มันดูอลังการงานสร้างดี เรียกราคาค่าตั๋ว, ค่าเช่าชุดเครื่องเสียงได้เต็มที่ คือยังไม่เชื่อหรือไว้ใจกับแนวคิดใช้ตู้ลำโพงแบบขนาดกลาง line array คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่ว่าจะล้างความคิด (เชื่อ) นี้ได้



ข้อเสียของลำโพง line array

                ในโลกนี้ ไม่มีอะไรดีพร้อมโดยไม่มีข้อเสีย ระบบลำโพงแบบ line array ก็เช่นกัน

                1. เทียบต่อราคาต่อตู้ต่อดอกลำโพง ปัจจุบัน ลำโพงระบบ line array จะค่อนข้างมีราคาสูงกว่าพอสมควร อาจเป็นเพราะผู้ผลิตยังไม่กระจายสู่ระดับกลางลงล่างที่มีการแข่งขันสูง (ค่ายจีนยังไม่ผลิตแบบสาดตลาด) อย่างไรก็ตาม มันก็พอเป็นที่เข้าใจได้ การใช้ดอกลำโพงเล็กลงต่อตู้แต่คาดหวังให้มันออกความถี่ต่ำๆ ได้ด้วย มันต้องย่อมใช้วัสดุที่ดีกว่า แพงกว่า การผลิตดอกที่ต้องไฮเทค พิถีพิถันกว่า ใช้วัสดุในการผลิตตู้มากกว่า เช่น ตู้ line array 4 ตู้เรียงกัน ย่อมต้องใช้ตัวตู้มากกว่าตู้ใหญ่ตู้เดียวในปริมาตรเท่ากันแน่ๆ

                2. การให้ภาคขยาย 1 ภาค ต้องขับตู้ลำโพงมากกว่า 1 ตู้ แม้จะมีการจัดสมดุลความต้านทานไม่ให้สูงหรือต่ำเกินไป อันจะเป็นอันตรายต่อภาคขยาย แต่อย่าลืมว่า แรงอัดอากาศจากดอกลำโพงตู้ที่ 1 ไปยังตู้ที่ 2, 3, 4 ที่ต่อร่วมภาคขยายเดียวกันอยู่ ดอกของตู้ที่ 2, 3, 4 จะรับแรงอัดอากาศนั้น และกระทำตัวเป็น “ไมโครโฟน (microphone)” ส่งกระแสไฟย้อนกลับจากดอกเหล่านั้นมาเจอกันที่ภาคขยายเดียวกัน (ที่ต่อกับตู้ 1, 2, 3, 4) เรียกเกิด microphonic ระหว่างกันและกัน (ทำนองเดียวกับตู้ที่ 2 ก็จะถูกกวนจากตู้ 1, 2, 3 เป็นทอดๆ แก่กันและกัน) จริงๆ แล้ว แม้แต่ดอกลำโพงที่อยู่ในตู้เดียวกัน ใช้วงจรแบ่งเสียง passive เดียวกัน ก็มีปัญหา microphonic ระหว่างดอกในตู้เดียวกันด้วย ผลคือ จะบั่นทอนความสะอาด, สงัดของเสียง ลดความชัดเจน เสียงออกสับสน ทรวดทรงมิติเสียงเสีย ความฉ่ำกังวานพลิ้วหาย ช่างเสียงก็จะแก้ด้วย EQ ซึ่งจริงๆ แก้ไม่ได้ มันคนละสาเหตุกันเลย และเป็นสาเหตุที่ไม่นิ่ง (dynamic) จึงแก้ด้วยวิธีตั้ง EQ แช่ไว้ (static) ไม่ได้ หรือผู้ออกแบบลำโพงแต่งเสียงช่วยมา ก็แก้ไม่ได้จริง เสียงจะออกมาแบบเค้น, เสแสร้ง, บุคลิกตายตัวอันเดียว, ไม่มีลีลา ไม่ผ่อนคลาย

                3. การติดตั้งระบบลำโพงพ่วงถึงกันของแต่ละตู้ การสั่นย่อมส่งผลถึงกันมั่วไม่หมด ไม่ได้จังหวะเดียวกัน เพราะมีการหน่วงจากการวิ่งจากตู้ล่างสุดไปตู้บนๆ การสั่นจะไปเขย่าลำโพงในตู้, แผงวงจรแบ่งเสียงในตู้ ผลคือเสียงจะเพี้ยนจัดจ้าน สกปรก กระด้าง จม ไม่กระเด็นหลุดลอยออกมาเท่าที่ควร (ขนาดนักฟังลำโพงบ้านยังต้องกระทำทุกวิถีทางให้ตู้ลำโพงนิ่งที่สุด) ตั้งให้ตู้แน่นหนาแข็งแรงแค่ไหน ยึดมั่นคงแค่ไหน ก็ยังสั่นอยู่ดี

                4. การติดตั้งตู้ line array ที่เอียงก้มลงล้วนมีผลต่อการขยับเข้า-ออกของวอยซ์คอยล์ของดอกลำโพงทุกตัว เอียง ไม่อยู่ในแนวราบ การขยับจึงผิดศูนย์ เกิดความเพี้ยน มิติเสีย โอกาสวอยซ์เบียดมีมากขึ้น (นักฟังเครื่องเสียงบ้านล้วนตระหนักดีว่า ควรนำที่วัดระดับมาวางบนตู้ลำโพง และปรับค่าตั้ง (tip toe) ให้ตู้อยู่ในแนวราบที่สุด ไม่เอียง) ซึ่งมีผลต่อรายละเอียดของเสียง, ความคมชัดของหัวโน้ต (คำร้อง) รวมทั้ง ทรวดทรงและมิติเสียงด้วย อีกทั้งการสวิงเสียงดัง-ค่อยด้วย

                5. การติดตั้งตู้ลำโพงแบบ line array ต้องพิจารณาให้ดอกแหลม, ดอกกลาง (ถ้ามี), ดอกทุ้ม ของแต่ละตู้ดูแล้วเหมือนเป็นเงาสะท้อนจากกระจกเงา (mirror image) (ดูรูป) มิเช่นนั้น มุมกระจายเสียงจากแต่ละตู้จะตีกันเละไปหมด

                6. ระบบลำโพง line array มักต้องเสริมด้วยซับวูฟเฟอร์แยกต่างหาก ทั้งตู้เดียว (โมโนซับ), หรือสองตู้ (สเตอรีโอซับ) ถ้าต้องการให้สุ้มเสียงครบจริงๆ อย่าคิดว่า แค่เสียง “พูด ร้อง” ไม่ต้องการตู้ซับ การขาดซับทำให้เสียงห้วน, กระด้าง ขาดความอบอุ่น (warmth) และบุคลิกเสียงเพี้ยนจากตัวตนจริงของผู้พูด, ผู้ร้อง

                ตู้ซับอาจใช้ดอกตั้งแต่ 8 นิ้ว, 10 นิ้ว, 12 นิ้ว, 15 นิ้ว และเกือบทั้งหมดเป็นแบบมีภาคขยายในตู้ (active) ก็เป็ยข้อดีที่สะดวกในการขนย้าย เพราะแยกตู้จนได้ ไม่ต้องหาตัวแบ่งเสียง และพาวเวอร์แอมป์มาขับซับ

                แต่ข้อเสีย คือ

                1. บุคลิกของสายเสียงที่เข้าสู่ตู้ซับ active, บุคลิกของภาคขยายในตู้ซับ active ไม่กลมกลืนสอดรับกับภาคขยาย; สายเสียงที่ใช้กับตู้ line array อยู่ เสียงจะออกมาไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ออกทะแม่งๆ ไม่ลื่นไหล

                2. การที่ตู้ซับถูกวางห่างจากตู้ line array ทำให้สุ้มเสียง, ทรวดทรงเสียง, มิติเสียงเปลี่ยนไปตลอดเวลาตามความค่อย-ดัง ขณะวินาทีนั้นๆ เพราะมันไม่เป็น point source คือ ทุกความถี่เสียงไม่ได้ยิงออกมาจากจุดกำเนิดเสียงเดียวกันอย่างควรจะเป็นตามธรรมชาติ

                สังเกตว่า ระบบเสียง line array ช่วงดนตรีค่อยกับดัง, ดังมาก น้ำเสียงจะไม่เหมือนกัน “ทุกอย่าง” แกว่งตลอดเวลา ซึ่งต่อให้โคตร EQ ช่างเสียงระดับเทพ ก็ปรับช่วยไม่ได้

                ผู้เขียนได้แจกแจงทั้งข้อดีและข้อเสียของระบบลำโพง line array อย่างลึกซึ้งถึงแก่น อย่างที่จะหาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ ด้วยประสบการณ์ของผู้เขียนเองที่อยู่ทั้งในวงการ PA (25 ปี พักหลังเพลาๆ ลง) วงการเครื่องบ้านกว่า 30 ปี ซึ่งสิ่งที่นำมาเล่าขานกันนี้ คุณจะอ่านจากที่ไหนไม่ได้ แม้แต่ในหนังสือเรื่องการติดตั้งระบบเสียง PA เกือบ 10 เล่มที่ผู้เขียนมีอยู่ก็ยังไม่วิเคราะห์เจาะลึกขนาดนี้

                ก็อย่างที่เรียนแต่ต้น ทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสียทั้งนั้น เมื่อจะตัดสินใจเลือกใช้ระบบไหนก็ควรนำมาทั้ง 2 กรณี (ดี-เสีย) มาชั่งดูว่า ข้อดีคุ้มกับข้อเสียหรือไม่ ข้อเสียนั้นๆ เราพอจะหาทางบรรเทาได้ไหม จุดมุ่งหมายหลักของโครงงานคืออะไร อะไรเป็นเรื่องหลัก เรื่องรอง หรือทำทีหลังได้

โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

www.maitreeav.com

เครื่องเสียง อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ทำให้งานสำคัญของคุณน่าประทับใจ

เครื่องเสียง อุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ทำให้งานสำคัญของคุณน่าประทับใจ 

ในงานสำคัญต่าง ๆ ทั้งแบบส่วนตัวหรือแบบผู้ประกอบการ อาทิ งานแต่งงาน, งานบวช, งานอีเวนท์, งานโร้ดโชว์ หรือคอนเสิร์ต ต้องมีการเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุด ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์ที่ต้องมีแน่ ๆ ในทุกงานก็คือ เครื่องเสียง นั่นเพราะนี่เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขยายเสียงให้ออกมาชัดเจน เวลามีประกาศหรือต้องการให้ผู้คนในงานสนใจเรื่องใด หากเครื่องเสียงดีก็จะช่วยให้มีความประทับใจเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา
เลือกเช่าเครื่องเสียงคุณภาพกันดีกว่า
ปกติไม่ว่าจะงานประเภทใดก็ตาม เจ้าของงานมักเลือกใช้บริการเช่าเครื่องเสียงจากผู้ให้เช่าเครื่องเสียงซึ่งมีอยู่เยอะมาก ๆ ในบ้านเรา แต่ทั้งนี้อย่าลืมพิจารณาให้ดีด้วยว่า ผู้ให้บริการดังกล่าวมีมาตรฐานที่ดีมากน้อยเพียงใด ไม่ใช่แค่ราคาถูกเท่านั้น แต่คุณภาพควรต้องเหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างดีที่สุดด้วย 
พื้นฐานง่าย ๆ สำหรับการเลือกเช่าเครื่องเสียงคือ ควรเลือกผู้ให้บริการที่มีเครื่องเสียงคุณภาพดี ยี่ห้อมาตรฐาน เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีมืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ทำระบบเสียงให้ออกมาสมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งมีบริการด้านอื่น ๆ ที่จะช่วยทำให้เจ้าของงานสะดวกสบายมากขึ้น เช่น มีอุปกรณ์อื่น ๆ ให้เช่า อาทิ อุปกรณ์ด้านแสงสี, เวที และอื่น ๆ รวมถึงต้องให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อความเข้าใจของผู้จัดการที่มากขึ้นด้วย
เสียความรู้สึกแน่ ๆ ถ้าได้เครื่องเสียงไร้คุณภาพ
คิดกันเล่น ๆ เวลาคุณไปตามงานต่าง ๆ แล้วปรากฏว่าเครื่องเสียงที่ใช้ในงานไม่ได้คุณภาพ เสียงไม่ดัง เสียงติด ๆ ขัด ๆ ไม่มีการมิกเซอร์ให้ดีจนเสียงดูตลก การจัดงานด้านต่าง ๆ ไม่พร้อมเพราะมัวแต่ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของเครื่องเสียงมากเกินไป เมื่อทั้งหมดนี้มารวมกันมันกลายเป็นความน่าอับอาย เสียอารมณ์ เสียความรู้สึกทั้ง ๆ ที่ตอนวางแผนมีขั้นตอนทุกอย่างครบถ้วน ทำตามแผนทุกประการ แต่ดันมาตายตอนจบเพราะเครื่องเสียงไม่ได้คุณภาพ ดังนั้นหากคิดจะเลือกเช่าเครื่องเสียงทั้งที ก็ควรเลือกผู้ช่วยที่ทำให้งานของคุณราบรื่น ได้รับคำชมไปเลยดีกว่า ว่ากันตามตรงราคาของผู้ให้บริการแต่ละเจ้าไม่ได้หนีห่างกันมากนัก แต่ถ้าเลือกเจ้าที่ได้คุณภาพนั่นจะทำให้คุณมีความสุขกับการจัดงาน
เมื่อเครื่องเสียงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ในการจัดงานทุกประเภท การเลือกผู้ให้เช่าเครื่องเสียงจึงต้องมีความพิถีพิถันตามไปด้วย ไม่ใช่เลือกใครก็ได้ แต่ต้องเลือกเจ้าที่มีประสิทธิภาพ ทำงานออกมาได้น่าประทับใจ สร้างความสุขให้กับคนในงานและเจ้าของงานไปพร้อม ๆ กัน เท่านี้ก็จะทำให้งานสำคัญในชีวิตออกมาตรงกับที่คาดหวัง

คอนเสิร์ตกลางแจ้ง VS ในร่ม

คอนเสิร์ตกลางแจ้ง VS ในร่ม


โดย...อ. ไมตรี ทรัพย์เอนกสันติ

       ในอดีต(จนถึงปัจจุบัน) การแสดงดนตรีขนาดใหญ่ แทบทั้งหมดจะแสดง(เล่น)กันในห้องคอนเสริทฮอลล์ ใหญ่เล็กก็ว่าไปตามขนาดของวงและดนตรีที่เล่น บางห้องแสดงเป็นพันๆคน



       ในอดีต การแสดงในห้องปิดแบบนี้เป็นความจำเป็น เนื่องจากยังไม่มีระบบอีเล็คโทรนิคส์มาช่วยขยายเสียง ต้องอาศัยการก้องของห้องมาช่วยดักและรวบรวมเสียง ต้องใช้วงขนาดใหญ่ ดนตรีขนิดเดียวกันมากกว่าหนึ่งชิ้น บางครั้งเกือบ 10 ชิ้น นักร้องสมัยก่อนต้องตะเบ็งเสียงได้อย่างไม่อั้น(ต่างจากนักร้องปัจจุบันที่มักผอมบาง ,ปอดเล็ก ร้องแบบไม่มีน้ำหนักเสียงไม่อิ่ม เสียงลงท้องไม่มี ต้องอาศัยภาคขยายเสียงมาช่วย ถ้าไม่มีก็ถูกดนตรีกลบสนิท)

       เพราะต้องอาศัยการก้องของห้องมาช่วยอย่างมาก จึงเป็นการยากอย่างยิ่งยวดในการออกแบบและก่อสร้างห้องแสดงดนตรีสักห้อง แต่ละห้องระดับมาสเตอร์พีซ เชื่อไหมว่า บางห้องต้องแก้แล้วแก้อีก ลงทุนก็มหาศาล แถมต้องมีการ “เบิร์นอิน” ห้องด้วย (คือต้องใช้ไปสักพักจนเข้าที่)

       ด้วยเหตุนี้ ในโลกนี้จึงมีห้องแสดงดนตรีดีๆระดับโลกอยู่ไม่น่าถึง 15 ห้อง ที่มีการใช้กันอย่างออกหน้าออกตา

       เรื่องที่จะอาศัยเทคโนโลยี่สมัยใหม่ อย่างระบบจำลองภาพและเสียงด้วยคอมพิวเตอร์ มันก็ดูดี มีหลักการดี แต่ผลที่ได้ออกมาจริงๆกลับไม่ได้ดั่งใจ บางห้องก็ทำเอาวิศวกรด้านเสียง และคอมพ์หน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บมาแล้ว บางห้องถึงขนาดทำฝาห้อง,เพดาน ให้ขยับปรับมุมเอียงได้ แต่ทั้งหมดก็คืองบมหาศาล กับการเสียเวลาอีกนานเป็นปีๆ

       ด้วยปัญหาเหล่านี้ ทำให้เริ่มมีผู้นำเสนอการแสดงดนตรีแบบกลางแจ้งในที่โล่ง หรืออย่างน้อยก็มีหลังคา ,มีเวทียกพื้น แล้วใช้ระบบขยายเสียงอีเล็คโทรนิคส์ขนาดใหญ่(PA) มาช่วยเพิ่มความดังอีกที

       ต่อไปนี้คือ ข้อเปรียบเทียบระหว่างการแสดงคอนเสริทกลางแจ้งกับแบบในร่ม ข้อดีของอย่างหนึ่ง ก็คือข้อเสียของอีกอย่างหนึ่ง

        แบบกลางแจ้งมีข้อดีคือ

1.     ออกแบบ ,ติดตั้ง ง่ายและประหยัดกว่ามากๆ ไม่ต้องรอเบิร์นอินใดๆ

2.     เพิ่มความจุของคนดู(ฟัง) ได้แทบไม่อั้น(ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดของผู้ร้อง ,ผู้เล่น ออกจอทีวียักษ์ด้วย

3.     จากการที่ค่าเช่าห้องไม่ต้องเสีย เสียแต่ค่าใช้สถานที่ซึ่งประหยัดกว่ามาก อีกทั้งจุคนได้มหาศาล ทำให้

        ราคาตั๋วดูต่ำกว่ามาก แต่กลับสามารถหารายได้โดยรวมได้มากกว่า จากจำนวนคนดูที่มากกว่ามาก

4.    ไม่ต้องเข้าคิวแย่งกันจองห้องแสดง บางครั้งต้องรอเป็นปีๆกว่าจะมีคิวห้องว่าง

5.     ตัดปัญหาด้านอคูสติกของห้องออกได้หมด ความกังวานของเสียงที่เดิมใช้จากสรีระของห้องก็แทนด้วย

       ระบบอีเล็คโทรนิดส์ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นการแสดงกลางแจ้ง แต่ก็ต้องเลือกทำเลดีๆที่มีการก้อง

       สะท้อนจากสิ่งก่อสร้างหรือภูเขาใกล้เคียงน้อยที่สุด

6.     สามารถเสริมการแสดงด้วยเอฟเฟค(Effect) ต่างๆได้ เช่นการจุดไฟพุ่งขึ้นมา  การยิงพลุ  การโปรย

        อะไรบางอย่าง การเพิ่มระบบกายกรรมเสริม  การทำคนเหาะ/ลอย  ฯลฯ  บางอย่างอันตรายมากถ้าทำใน

       ห้องแสดง หรือไม่ก็ขยับหรือซ่อนลำบาก

7.     การติดตั้ง ,ตระเตรียม ,ซ้อม ล่วงหน้า ทำได้คล่องตัวกว่า อีกทั้งการรื้อถอนก็ทำได้ถนัด ,คล่องตัวกว่า

        อิสระมากกว่า  ประหยัดกว่าที่จะต้องเช่าห้องแสดงล่วงหน้าก่อนการแสดงและวันขนย้ายของ

8.     ถ้าเกิดอุบัติเหตุอันไม่คาดฝันก็สามารถอพยพย้ายคนออกได้รวดเร็วกว่ามาก เกิดมีการตีกันผู้ดูก็หลบ

        ออกได้ฉับไวกว่า

        ข้อเสียของระบบกลางแจ้ง

1.     ต้องขออนุญาตจากเจ้าของสถานที่ บางครั้งวุ่นวายมาก อีกทั้งผู้คนภายนอกด้วย

2.     ต้องหาทำเลที่ดีและลงตัว ซึ่งก็อาจไม่ง่ายนัก

3.     ต้องลงทุนทำฉากขนาดยักษ์ ,อาจต้องดัดแปลงบริเวณสถานที่ ต้องมีฝ่ายก่อสร้าง ,โครงสร้าง ,ติดตั้ง

         ตรึงตา โดยเฉพาะ ทำให้การโยกย้ายต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง

4.      ต้องหาวิธีที่รัดกุมและประนีประนอมในการคุมฝูงชนที่เข้ามาดู และฝูงชนที่รอบนอก ที่จะไม่รบกวน

         พวกเขามาก

5.      ต้องคิดให้ดีเรื่องการควบคุมเสียง ,แสง  ,เอฟเฟค

6.      ต้องหาระบบจ่ายไฟมาเอง

7.      ต้องใช้เครื่องเสียงพลังสูงมากๆ

8.      เรื่องดินฟ้าอากาศต้องประเมินให้ดีที่สุด พลาดก็เจ๊งได้เลย

สรุป จะเห็นว่า ทั้งแบบกลางแจ้งและแบบในร่ม ต่างก็มีข้อดีข้อเสียอยู่ในตัวเอง ต้องจัดสมดุลให้ดีระหว่าง ความสะดวก ,ระยะเวลา ,ค่าใช้จ่ายจริง(รวมที่แอบแฝงหรือจะบานปลาย) ,ความปลอดภัย เพราะแต่ละการแสดงไม่ใช่ลงทุนกันบาทสองบาท แต่เป็นสิบๆล้านบาทหรืออาจถึง 100 ทีเดียว

www.maitreeav.com

ALLEN & HEATH DELIVERS ‘ONE FOR THE FANS’ WITH SQ V1.5

ALLEN & HEATH DELIVERS ‘ONE FOR THE FANS’ WITH SQ V1.5



Fresh off the back of another successful awards season in which it scooped a second TEC Award, Allen & Heath has launched V1.5 firmware for its 96kHz SQ series, ensuring the mixer continues to punch well above its weight with a raft of crowd-pleasing features including new RTA options, 32-channel recording/playback on USB drives, workflow enhancements including DCA spills and new FX add-ons.




"With SQs used at all levels from clubs to arenas, we get so much great feedback from users and this latest release delivers some of the most popular requests,” comments SQ’s Product Manager, Keith Johnson. “It's really a thank you from us to all our SQ customers - and there's plenty more to come."

Full details of the release can be found



AND THERE'S MORE...

SQ-MixPad additions: New RTA and control, 3 possible instances can be connected at once, New routing screen, Online scene and library access, Offline scene and library management, Channel insert control, AMM control, 'Share' to cloud.

Safe Patching: New 'Patch' button allows you to choose whether you're patching or just checking.

Indication of Used Socket: Visual indication of whether an input or output socket is in use anywhere (including inserts).

1-to-1 Patching: Quick diagonal block patching for even faster setup.

Display Current Mix/Spill: On-screen display of the current mix (+DCA Spill) at all times.

Channel Delays: Display channel delays in Milliseconds, Samples, Meters or Feet, with temperature setting for distances.

Follow FX Unit: Show the relevant FX unit whenever visiting the FX page.

USB Metering: Check all USB input and output levels (and patching!) at-a-glance.

Soft Controls: New additions for DCA Spill and SQ-Drive with improved state indication.

DCA Recall Filters: Full granular control of DCA's on Global and Per-Scene recall filters.

MIDI NRPN Fader Law: Use linear external MIDI controls to control levels with an audio taper.

Auto IP: Automatically assigns an IP address, for a direct network connection.



ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเครื่องเสียง 

เครื่องเสียง ถือเป็นอีกอุปกรณ์สำคัญในงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนท์, งานมงคล หรือแม้แต่การนำเสนอสินค้า บริการ เพราะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ผู้คนให้ความสนใจในสิ่งที่ต้องการนำเสนอมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม สำหรับคนที่ต้องการทำความเข้าใจในเรื่องราวเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเช่าเครื่องเสียงเพื่อใช้ในงานของตนเองก็มีหลักเบื้องต้นดี ๆ มาแนะนำกัน เพื่อเอาไว้เป็นความรู้ รวมถึงยังไว้ใช้ในกรณีเครื่องเสียงมีปัญหาต้องแก้แบบเร่งด่วนด้วย

อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเสียง

1. อุปกรณ์ประเภท input
เป็นอุปกรณ์ส่วนที่เอาไว้ใช้ให้เกิดเสียงขึ้นมา (Source) อุปกรณ์ตัวนี้เมื่อเปิดการใช้งานแล้วจะทำการส่งเสียงไปยังอุปกรณ์ที่ใช้แต่งเสียงให้เป็นแบบต่าง ๆ ตามต้องการ จากนั้นส่งผ่านไปยังเครื่องขยายเสียง เช่น ลำโพง, เครื่องดนตรี, ไมโครโฟน, เครื่องเล่นดีวีดี, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ 

2. อุปกรณ์ด้าน Processor
ส่วนนี้จะเป็นด้านของการประมวลผลซึ่งจะมีด้วยกันหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานเลือกอุปกรณ์ตัวไหนมาช่วยประมวลผลให้เกิดขึ้นตามความต้องการของตนเอง เช่น
มิกเซอร์ Mixer จะรวมสัญญาณเอาไว้ในเครื่องแล้วส่งต่อไปให้อุปกรณ์ตัวอื่นสำหรับขยายเสียงที่รวมเอาไว้
อีควอไลเซอร์ EQ อุปกรณ์ปรับแต่งเสียงให้ตรงกับความต้องการ รวมถึงการบูสหรือคัดความถี่ให้เหมาะสม
คอมเพรสเซอร์ Compressor อุปกรณ์บีบอัดเสียงให้สัญญาณมีความเสถียร ตรงกับที่ผู้ควบคุมต้องการ
ครอสโอวเอร์ Crossover อุปกรณ์แบ่งหน้าที่ของเสียงให้แยกออกจากกันเพื่อฟังได้อย่างชัดเจน เช่น เสียงแหลม, เสียงทุ้ม, เสียงกลาง
เอฟเฟค Effect เป็นอีกอุปกรณ์แต่งเสียงเพื่อให้เกิดความพิเศษ ส่วนใหญ่จะใช้กับเครื่องดนตรีและไมโครโฟน ซึ่งในที่นี้บางคนอาจเลือกใช้ คอนโทรลเลอร์ Controller ก็ได้เช่นกัน

3. อุปกรณ์ประเภท output
เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขยายสัญญาณของบรรดาอุปกรณ์ภายนอกให้ตรงกับสิ่งที่ตนเองต้องการ เช่น เครื่องขยายเสียง, เพาเวอร์แอมป์ เมื่อเสียงอยู่ในระดับเหมาะสม น่าฟัง ก็จะส่งต่อไปยังอุปกรณ์ขยายเสียงต่อไป ลักษณะการทำงานคือ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้กลายเป็นพลังงานกล จากนั้นเสียงจะถูกส่งผ่านมาให้ผู้ฟังได้ยินตามระดับเสียงต่าง ๆ 

4. อุปกรณ์อื่น ๆ 
ในการใช้เครื่องเสียงนอกจาก 3 ประเภทอุปกรณ์หลักที่ใช้กันแล้วก็ยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้เสียงเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่น สายแจ็ค, สายไฟ, สายลำโพง หรืออุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับการเชื่อมต่อทั้งหลาย

ทั้งหมดนี้เป็นความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับเครื่องเสียง ซึ่งในความเป็นจริงหากไม่ได้คลุกคลีหรืออยู่ในวงการแล้วต้องการใช้งาน แนะนำให้เลือกใช้บริการให้เช่าเครื่องเสียงจะสะดวกที่สุด เพราะพวกมีความเป็นมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญ ช่วยให้งานเสียงของคุณออกมาสมบูรณ์แบบ หรือกรณีเกิดปัญหาต้องเร่งแก้ไขก็ทำได้ทันที ตรงเวลา ไม่เสียงาน

Turbosound iP3000



Turbosound
iP3000




ลำโพงคอลัมม์ รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Turbosound รุ่น iP3000 คือ Portable Speaker Powered Column Loudspeaker มีเพาเวอร์แอมป์ในตัว แบบ Class D ให้กำลังขับสูงถึง 2000 วัตต์

ด้วยความสูงกว่า 2.2 เมตร ด้านในประกอบด้วยดอกลำโพงหลายตัว คือ ซับวูฟเฟอร์ขนาด 12 นิ้ว 2 ดอก และดอกลำโพงกลางแหลม แม่เหล็ก Neodymium ขนาด 3.5 นิ้ว จำนวน 16 ดอก

มาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก KLARK TEKNIK คือ เทคโนโบยี SST (Spatial Sound Technology) ที่สร้างสรรค์อะคูสติกเสียงในรูปแบบ 3 มิติ และยังมี Preset ปรับแต่งเสียงอย่างง่ายดายทั้ง EQ, Crossover, Compressor, Limiter

2,000 Watt Powered Column Loudspeaker with a 2 x 12" Subwoofer, 18 Neodymium Drivers, Klark Teknik Spatial Sound Technology, Digital Mixer, Reverb, Remote Control via Smart Phone and Bluetooth Audio Streaming

iNSPIRE iP3000
Although we refer to it as a “column” loudspeaker, the INSPIRE iP3000 delivers the powerful, high-quality sound and optimised dispersion inspired by our award-winning line array products – in a an easy to use, all-in-one form factor. Thanks to an on-board 3-channel digital mixer with reverb and a multichannel 2,000-Watt Class-D amplifier driving a customengineered dual 12" subwoofer, 16 x 3.5" neodymium drivers, and dual horn loaded super tweeters, the iP3000 is ideally-suited for medium to largesized performance venues, houses of worship, boardroom presentations, nightclubs, and much more.

The iP3000 features industry-leading KLARK TEKNIK Digital Sound Processing (DSP), Class-D amplifier and Spatial Sound technologies – plus convenient Bluetooth stereo audio streaming and iPhone/iPad remote control.


Tiny PA – 2,000 Watts of Perfect Sound
Designed for maximum portability, iP3000’s two columns fit neatly into the shoulder bag (available separately), and setup is fast and easy; just attach the column(s) to the base and connect your mic, or mixer feed, and power. Three channels of our revolutionary Class-D amplifier technology provides 2,000 Watts of incredible sonic performance in an easy-to-use and ultra-portable package. This amazing technology makes it possible to design and build extremely powerful products that are significantly lighter in weight than their traditional counterparts, while using less energy and protecting the environment. The lightweight Switch Mode Power Supply, coupled with an industryleading DSP module, provides dynamic equalisation and sophisticated limiting functions to ensure optimal performance and long-term reliability. The powerful iP3000 fills the room with the world-famous TURBOSOUND “sound” that has won the coveted Queen’s Award – an unprecedented three times.

Outstanding Sound Dispersion
Much like the huge line array systems you’ve experienced at concerts and outdoor festivals (we make those too), the 3.5" neodymium midrange / extended high-frequency drivers in the iP3000 columns are strategically placed to provide up to a 120° horizontal dispersion pattern. Such wide coverage eliminates the need for monitor wedges for the performers, and creates a more even, sonically balanced soundscape that covers the entire room. By taking advantage of the arrival-time differential between sound waves reaching the left and right ears, iP3000’s groundbreaking Spatial Sound Technology (SST) creates a wide, welldefined virtual 3-D acoustic environment, enveloping the listener in a rich and more realistic experience. No matter where you sit, the location of the onstage voices and instruments are perceived in their rightful position within the soundscape, for a performance that is beautifully open and transparent – with unparalleled intelligibility.

KLARK TEKNIK – Inspired Technology
KLARK TEKNIK is recognised worldwide as one of the most prestigious British audio companies, with a 40-year pedigree and even a TEC Lifetime Achievement Award to back it up. The Company has designed and manufactured products for world-class artists, and their legendary DN780 reverb processor is considered by leading audio engineers around the world as the industry standard. Check out their website to learn more about KLARK TEKNIK’s legendary heritage.

TURBOSOUND is proud to incorporate custom-engineered KLARK TEKNIK Class-D amplifier and DSP technologies into their products.

DSP – the Secret to Superb Sound
From the instant your signal enters the iP3000, the built-in DSP takes over ensuring the highest possible signal integrity. Much more than just selective EQ enhancement, the 24-bit processor analyses the incoming signal and intelligently applies specific filters to actually improve the sound quality. It’s like having an audio engineer monitoring the input and output signals, dialling in the perfect EQ and constantly making subtle adjustments to the crossover, compressor/limiter, three discrete amplifier channels and more – all of which adds up to significantly better sound.

Custom-Engineered Drivers
Our speakers are designed specifically for each application – it’s what sets us apart from the competition. When you buy a TURBOSOUND speaker system, you can rest assured that the speakers inside have been engineered to perform flawlessly in conjunction with every other element for truly professional results.


Stunning Performance – Superb Value
The INSPIRE iP3000 active PA loudspeaker stands head and shoulders above the rest of the pack and delivers exceptional performance, even when pushed to the limit. Ultra-portable and powerful with custom-designed transducers, an integrated mixer, stereo Bluetooth streaming, iPhone/iPad remote control, 2,000 Watts of Class-D output power and Digital Sound Processing, the iP3000 is ideal for both portable and installed applications – at a price unheard of in this class.

Experience the iP3000 at your local dealer today, or get yours online today – and let TURBOSOUND take your performance to the next level!